กองหน้าทีมชาติบราซิลยิงประตูสุดท้ายให้ลิเวอร์พูลเอาชนะอาร์เซนอลแบบหมดจดในแอนฟิลด์ และเป็นแฮตทริคแรกของเขาในพรีเมียร์ลีก
เจอร์เก้น คล็อปป์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนของลิเวอร์พูล ยอมรับว่า "แทบร้องไห้" เมื่อได้เห็นโมฮาเหม็ด ซาลาห์ เปิดทางให้โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน ยิงจุดโทษที่สองของทีม เพื่อเป็นแฮตทริคของตัวเอง ในเกมพรีเมียร์ลีกนัดเปิดบ้านถล่มอาร์เซนอล 5-1 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา
แม้ว่าไอส์ลีย์ เมตแลนด์-ไนลส์ จะยิงให้กันเนอร์สออกนำก่อนอย่างเร็ว แต่ลิเวอร์พูลจ่าฝูงก็ยิงแซงได้ใน 5 นาทีจากสองประตูติดต่อกันของฟิร์มิโน ผ่านครึ่งชั่วโมง ซาดิโอ มาเน เปลูกจ่ายของโมฮาเหม็ด ซาลาห์ เสยตาข่าย ก่อนที่ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก ซาลาห์คนเดิมจะเรียกจุดโทษให้ทีมและลุกขึ้นมายิงไม่เหลือ เจ้าบ้านนำ 4-1 ตั้งแต่ครึ่งแรก
ครึ่งหลังอาร์เซนอลมาเสียจุดโทษที่สองจากจังหวะที่ เซอัด โคลาซินัช ไปผลักหลังของ เดยัน ลอฟเรน จนล้มลงไป แต่ซาลาห์ตัดสินใจมอบหน้าที่ซัดจุดโทษให้กับฟิร์มิโน ที่ปีนี้ทำประตูได้ไม่มากเหมือนเคยเนื่องจากแผนการเล่นที่เปลี่ยนไป และ 'บ็อบบี้' ไม่ทำให้ผิดหวัง ประตูนี้ทำให้เขาเป็นผู้เล่นบราซิลเลียนคนที่สามที่ทำแฮตทริคในพรีเมียร์ลีกได้ ต่อจาก โรบินโญ และ อฟองโซ อัลเวส
"เรารู้ดีว่าในครึ่งหลัง เกมมันยังไม่จบ เราก็พยายามจะคุมเกมให้ได้" คล็อปป์ให้สัมภาษณ์ BBC Sport หลังจบเกม
"โม ซาลาห์ ให้บ็อบบี้ยิงจุดโทษ ผมแทบจะร้องไห้ เพราะเราทุกคนรู้ดีว่าโมอยากยิงประตู มันน่ารักมาก
"คริสต์มาสจบไปแล้ว แต่ของพวกเขายังไม่จบเลย!"
กุนซือเฮฟวีเมทัลยังชื่นชมปฎิกิริยาของลูกทีมหลังตกเป็นฝ่ายตามหลัง แล้วตอบโต้อย่างรวดเร็ว
"ปฎิกิริยาของพวกเขามันระดับโลกเลยนะ" คล็อปป์ว่าต่อ "เราเยือกเย็นและบีบให้พวกเขาเล่นพลาด
"ลูกที่สองจากฟิร์มิโน มาจากการแย่งบอลของซาดิโอ ว้าว เป็นการป้องกันที่สมบูรณ์แบบเลย"
เกมนัดต่อไปของลิเวอร์พูลคือการบุกไปเยือนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่าและผู้ไล่ล่าในอันดับสอง โดยในวันที่ 3 มกราคม หงส์แดงจะบุกไปเยือนเอติฮัด สเตเดียม โดยมีแต้มนำทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอลา 7 แต้มเป็นอย่างน้อย และถ้าไม่แพ้ออกมา โอกาสคว้าแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1990 ก็จะสดใสอย่างยิ่ง