ซีอาร์เซเว่นสวมบทฮีโร่โหม่งประตูชัยพาเบียงโคเนรีเฉือนชนะรอสโซเนรี คว้าถ้วยซูเปอร์คัพของอิตาลีไปครองมากที่สุดในประวัติศาสตร์
ซูแปร์โคปปา อิตาเลียนา 2018 หรือศึกอิตาเลียน ซูเปอร์คัพ เป็นการพบกันระหว่าง ยูเวนตุส ดับเบิ้ลแชมป์จากเมื่อฤดูกาลก่อน ดวลกับรองแชมป์โคปปา อิตาเลียอย่าง เอซี มิลาน โดยเกมนี้มาแข่งขันกันที่สนาม คิง อับดุลเลาะห์ สปอร์ต ซิตี้ ในเมืองญิดดะฮ์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย
มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี กุนซือม้าลาย เลือกจัดทัพมาในระบบ 4-3-3 โดยใช้สามประสานแนวรุกเป็น ดักลาส คอสต้า, เปาโล ดีบาลา และดาวดังอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด้
ส่วนปีศาจแดงดำของ เจนนาโร กัตตูโซ วางหมากมาในแผน 4-3-3 เช่นกัน นำโดยสามแดนหน้าอย่าง ซามู กาสติเญโฆ, พาทริค คูโตรเน และ ฮาคาน ชัลฮาโนลู
เกมในช่วง 45 นาทีแรก แม้ว่าจะเป็นฝั่งของยูเวนตุสที่ครองบอลบุกเข้าใส่ได้มากกว่า ทว่ากลับยังไม่สามารถยิงตรงกรอบเลยแม้แต่หนเดียว ทำให้จบครึ่งแรกสกอร์ยังเสมอกันอยู่ที่ 0-0
ครึ่งหลังก็ยังเป็นม้าลายที่ทำเกมรุกได้ดีกว่า จนกระทั่งนาทีที่ 61 ก็สามารถพังประตูขึ้นนำได้สำเร็จ จากจังหวะที่ มิราเล็ม เปียนิช บรรจงหยอดบอลเข้าเขตโทษให้ โรนัลโด้ วิ่งสอดช่องว่างมาโหม่งระยะเผาขนผ่านมือของ จานลุยจิ ดอนนารุมมา ไม่เหลือ ส่งให้เบียงโคเนรีออกนำ 1-0
สถานการณ์ของมิลานนอกจากสกอร์จะตกเป็นรองแล้ว ยังต้องมาเหลือผู้เล่นเพียง 10 คนด้วย จากจังหวะที่ ฟรองค์ เกสซิเย ไปเจตนาย่ำใส่ข้อเท้าขวาของ เอ็มเร ชาน โดยที่ผู้ตัดสินต้องใช้ VAR ประกอบการชี้ขาดด้วย ก่อนจะควักใบแดงโดยตรงไล่กองกลางชาวไอวอรีโคสต์ออกจากสนามไป
สุดท้ายก็มีประตูเกิดขึ้นเพียงแค่ลูกเดียวเท่านั้น ทำให้จบเกมเป็นยูเวนตุสเอาชนะไป 1-0 ทำสถิติคว้าแชมป์ซูแปร์โคปปา อิตาเลียนาไปครองมากที่สุดประวัติศาสตร์เป็นสมัยที่ 8 หลังจากก่อนหน้านี้ได้เท่ากับ เอซี มิลาน อยู่ที่ 7 สมัยนั่นเอง